
สำนักข่าว AFP รายงานว่า ยามรักษาความปลอดภัย ณ โรงเรียนเนอร์สเซอรีแห่งหนึ่งในประเทศบราซิล เกิดอาการคลุ้มคลั่ง คว้าแอลกอฮอล์ราดใส่เด็กเล็กและครูก่อนจุดไฟเผาอย่างไม่ลังเล ในวันที่ 5 ตุลาคม 2560 เป็นเหตุให้เด็ก 4 คนและครู 1 คนเสียชีวิต นอกจากนี้ยังมีคนถูกไฟคลอกบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก
โดยยามผู้ก่อเหตุดังกล่าวมีอาการทางจิต และเขาก็ถูกไฟคลอกเสียชีวิตด้วยเช่นกัน เหตุอันน่าเศร้าครั้งนี้เกิดขึ้น ณ เมือง Janauba มีประชากรอาศัยอยู่ประมาณ 700,000 คน โดยอยู่ห่างจาก Belo Horizonte ซึ่งเป็นเมืองขนาดใหญ่อันดับ 6 ของบราซิล ขึ้นไปทางเหนือประมาณ 600 กิโลเมตร นายกเทศมนตรีแห่งเมือง Janauba ได้ประกาศไว้ทุกข์ทั่วเมืองเป็นเวลา 7 วัน
เช้าวันที่ 5 ตุลาคม 2560 มีเด็ก 4 คน และครูอีก 1 คน ถูกไฟคลอกจนเสียชีวิต หลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำเนอร์สเซอรีราดแอลกอฮอล์ใส่พวกเขา และตนเองด้วยก่อนจะจุดไฟเผาด้วยความโหดเหี้ยม โดยผู้อำนวยการโรงพยาบาลประจำท้องถิ่น เล่าว่า มีผู้บาดเจ็บถูกส่งเข้ามารักษาประมาณ 50 คน แต่ในขณะนี้ยังไม่สามารถบ่งบอกอาการแน่ชัดได้ ส่วนยาม ก็ถูกไฟคลอกทั้งตัวเช่นเดียวกัน ต่อมาเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในอีกหลายชั่วโมงให้หลัง ขณะเกิดเหตุมีเด็กเล็ก ติดอยู่ที่เนอร์สเซอรี่ประมาณ 80 คน จึงทำให้พ่อ-แม่ผู้ปกครองรีบพากันแห่มารับบุตรหลานเพราะเกรงอันตราย ส่วนโรงเรียนก็ถูกไฟไหม้จนเกิดความเสียหายอย่างหนัก ทั้งนี้ตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านยามคนดังกล่าว รวมทั้งสอบถามสมาชิกในครอบครัวเพื่อหามูลเหตุจูงใจในก่อคดีในครั้งนี้ ซึ่งล่าสุดผู้กำกับการตำรวจให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ Hoje em Dia ว่า ยามผู้นี้มีอาการป่วยทางจิตมาตั้งแต่ปี 2014 อีกทั้งยังพบขวดบรรจุแอลกอฮอล์จำนวนมากที่บ้านของเขา โดยเขาทำงานเป็นยามที่เนอร์สเซอรีแห่งนี้มานานกว่า 8 ปี อีกทั้งยังไม่เคยเข้ามายุ่งกับเด็กๆ จึงไม่มีใครได้เอ๊ะใจอะไร ว่าจะเกิดเหตุโหดเหี้ยมเช่นนี้
ซึ่งห้องที่อยู่ติดกันคือห้องเด็กอ่อน ถ้าเกิดเหตุที่ห้องนี้การอพยพก็จะทำได้ยาก แต่ในห้องนี้มีเด็กโตพอสมควร จึงทำให้หลายคนสามารถหนีเอาตัวรอดได้
ทั้งนี้ประธานาธิบดี Michel Temer แห่งประเทศบราซิลได้โพสต์ข้อความเพื่อแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านTwitter โดยระบุว่า ผมมีความเศร้าใจเป็นอย่างยิ่งกับโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นใน Janauba รวมทั้งขอส่งกำลังใจไปยังครอบครัวของพวกเขาด้วย
สำหรับครอบครัวของผู้เสียชีวิตไม่ว่าจะทั้งเด็กๆหรือครูก็คงต้องใช้กำลังใจมหาศาลเพื่อยอมรับกับเรื่องนี้ให้ได้